กรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลว่า มีนักวิชาการในไทยจ่ายเงินซื้องานวิจัย ที่ตัวเองไม่ได้ทำเพื่อใส่ชื่อตัวเองเป็นเจ้าของผลงานและตีพิมพ์ในวารสารวิชาการต่างประเทศ
ซึ่งนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการผิดจริยธรรมทางวิชาการ และขอให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบอย่างเข้มงวดและจริงจัง หากพบว่าดำเนินการจริงต้องถือเป็นความผิดและลงโทษอย่างรวดเร็ว ขณะที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ออกประกาศ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง อาจารย์ มช. เนื่องจากตรวจสอบพบมีชื่อเกี่ยวข้องกับการซื้องานวิจัยดังกล่าวนั้น
เมื่อวันที่ 11 มกราคม นายศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า อว.จะทำหนังสือถึงมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ทปอ.มรภ.) และที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ทปอ.มทร.) เพื่อขอให้ตรวจสอบอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หากพบว่ามีรายใดผิดปกติขอให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานข้อมูลมายัง อว. เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อมูลควบคู่กันไป โดยในส่วนของ อว. จะตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหาผู้เหมาะสม เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าว เป็นการแก้ปัญหาในเบื้องต้น ส่วนระยะยาวก็จะต้องหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อวางมาตรการป้องกันและดูแลเรื่องดังกล่าวต่อไป
นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการ อว. กำชับให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ.2562 ซึ่งมีโทษถึงจำคุก ขณะที่ในแวดวงวิชาการเอง ก็ถือว่าเป็นความผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หากเป็นจริง ก็ต้องถูกลงโทษทั้งทางกฎหมายและทางวินัย ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้น มี 2 ราย ที่ อว.เตรียมดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ควบคู่กับทางมหาวิทยาลัย คือ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และอาจารย์จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งมีชื่อปรากฏอยู่ในงานวิจัยเดียวกันกับอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยไปแล้ว ซึ่งงานวิจัยของสองคน เป็นงานวิจัยข้ามศาสตร์ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสาขาที่เรียนมาโดยตรง
“ผมเชื่อว่าอาจารย์ที่กระทำความผิดดังกล่าว มีจำนวนไม่มาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อมีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น ก็มีผลกระทบ ทำลายความน่าเชื่อถือทางวิชาการของประเทศไทยในอนาคต ซึ่ง อว.และมหาวิทยาลัยคงต้องวางแนวทางแก้ไขในระยะยาวร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต” นายศุภชัยกล่าว
นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ในฐานะประธานที่ประชุม ทปอ. กล่าวว่า ตนเพิ่งรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา และจะมีการประชุม เพื่อชี้แจงนโยบายในวันที่ 13 มกราคม ที่ อว. พญาไท อย่างไรก็ตาม ตนจะนำเรื่องการซื้อผลงานวิชาการเข้าหารือ เพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาวด้วย โดยหลังจากการประชุม จะมีการแถลงข่าว เพื่อชี้แจงต่อไป
แหล่งข่าวจาก มช.กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการตั้งกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง อาจารย์ มช. ซึ่งมีชื่อปรากฏว่ามีการซื้องานวิจัยนั้น ทาง มช.อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีมูลความผิดจริง ทั้งนี้ มีสรุปผลการสอบวินัยร้ายแรงแล้วทาง มช.จะดำเนินการลงโทษ และแจ้งให้ทราบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาจารย์จากภาควิชาพยาบาลชุมชน วิทยาลัยพยาบาลอัครราชกุมารี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้มีบันทึกข้อความเพื่อชี้แจง กรณีถูกพาดพิงการตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการ ถึงคณบดีวิทยาลัยพยาบาลศาสตร์อัครราชกุมารี ลงวันที่ 5 มกราคม โดยสรุปว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างลาศึกษาต่อระดับปริญญาเอกหลักสูตร Doctor of Philosophy in Nursing, with minor inresearch methodology ณ Saint Louis University ประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มตีพิมพ์ผลงานวิชาการในฐานข้อมูลระดับชาติและนานาชาติ ตั้งแต่ปี 2559-จนถึงปัจจุบัน และได้ร่วมตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิชาการร่วมกับนักวิจัยทั้งในและต่างประเทศ จากการตีพิมพ์เผยแพร่ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นนี้ นำมาสู่การวิพากษ์วิจารณ์ โดยยืนยันว่าได้มีส่วนร่วมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทีมในงานวิจัยเพื่อตีพิมพ์ผลงานอย่างแท้จริงทุกเรื่อง
และไม่เคยกระทำและไม่มีส่วนรู้เห็นในการซื้อขายตำแหน่งผู้ร่วมทีมวิจัยมาก่อน และไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆ ส่วนประเด็นผลงานพิมพ์ที่จำนวนหลายเรื่องในแต่ละปี การเลือกร่วมงานกับทีมวิจัยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินั้น ทราบแหล่งที่มาให้ชัดเจน ได้แก่ การมีส่วนร่วมของนักวิจัยทุกคน ทุนวิจัย ไม่เฉพาะแต่รายละเอียดโครงการวิจัย และกระบวนการการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ในแต่ละเรื่องเท่านั้น โดยเฉพาะการวิจัยข้ามศาสตร์และร่วมมือกับชาวต่างชาติ ถึงแม้ว่างานวิจัยข้ามศาสตร์เป็นงานวิจัยที่ท้าทายและสำคัญอย่างมากในยุคปัจจุบัน ในการบูรณาการองค์ความรู้จากนักวิจัยหลายศาสตร์ เพื่อก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ในวงกว้าง หากมีการบูรณาการความร่วมมือทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จะพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งทีมวิจัย ชื่อโครงการวิจัย และกระบวนการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานต่างๆ อย่างรอบคอบ และจะยึดมั่นในจริยธรรมการวิจัยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาอันจะเกิดขึ้นตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ขอยืนยันอีกครั้งว่า ตระหนักเสมอว่า การเป็นอาจารย์ของสถาบันแห่งนี้ ซึ่งต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และรักษาชื่อเสียงของสถาบันอันทรงเกียรติแห่งนี้ไว้ตลอดไป